หากพูดถึงผลไม้ที่ที่ลูกโต ๆ รสเปรี้ยวทานเล่นก็ได้ทำยำก็อร่อย แถมดีต่อสุขภาพแบบจัดเต็มก็คงไม่พูดถึง “ส้มโอ” ไม่ได้กันเลยที่เดียว อีกไม่นานกฌจะพ้นช่วงหน้าร้อนเตรียมเข้าสู่ฤดูฝนที่เป็นหน้าส้มโอกันแล้ว และใช่แล้ววันนี้เราจะมาบอกประโยชน์ของส้มโอกันจุก ๆ
1. วิตามินซีสูง
ขึ้นชื่อว่าส้มวิตามินซีจัดเต็ม ที่ช่วยเสริมสุขภาพให้มีภูมิที่แข็งแรง ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกาย แถมยังช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนนร่างกายให้ผวพรรณเปล่งปลั่งกระจ่างใส และต่อต้านริ้วรอยก่อนวัยอันควรอีกด้วย
2. ไฟเบอร์สูง
ใยส้มโอกากใยที่ช่วยป้องกันไม่ให้ท้องผูกขับถ่ายสะดวก นอกจากนั้น ใยอาหารยังทำหน้าที่เป็นแหล่งอาหารให้แก่แบคทีเรียที่ดี ช่วยทำให้ลำไส้ของคุณมีสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น ทั้งยังลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ โรคอ้วน และโรคเบาหวาน
3. บำรุงกระดูก
ส้มโอเป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุประเภทต่างๆ เช่น แคลเซียม เหล็ก ทองแดง สังกะสี แมงกานีส และโพแทสเซียม ซึ่งมีคุณสมบัติบำรุงกระดูกให้แข็งแรง และป้องกันโรคกระดูกพรุน สุขภาพผวดีไม่พอกระดูกแข็งแรงอีกด้วย
4. ช่วยลดน้ำหนัก
อร่อยแถมแคลอรี่ต่ำด้วยน้ำหนัก 610 กรัม สามารถให้พลังงาน 230 แคลอรี ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีโปรตีนและไฟเบอร์ ที่ช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มได้นานขึ้น
5. ต่อสู้กับการติดเชื้อ
จากการศึกษาของ The Vietnam National University พบว่า ส้มโอมีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อราที่ช่วยในการรักษาโรคติดเชื้อบางชนิด และยังค้นพบอีกว่า น้ำมันหอมระเหยที่ทำจากส้มโอมีประสิทธิภาพในการต่อต้านเชื้อรา
6. ช่วยให้หัวใจแข็งแรง
ส้มโอช่วยให้หัวใจของคุณแข็งแรงโดยการลดระดับคอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์อันเป็นไขมันในเลือด 2 ชนิดที่เชื่อมโยงกับภาวะความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ จากการศึกษาระบุว่า ส้มโอช่วยลดไขมันในเลือด โดยป้องกันไม่ให้คอเลสเตอรอลในอาหารดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้เต็มที่
7. ป้องกันตะคริว
ตะคริว เป็นอาการที่เกิดจากภาวะขาดน้ำ และการขาดอิเล็กโทรไลต์ (เช่น โซเดียม โพแทสเซียม และแมกนีเซียม) ซึ่งส้มโอนั้นเป็นผลไม้ที่เปี่ยมไปด้วยโพแทสเซียม ดังนั้นป้องกันได้อย่างแน่นอน
8. อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
ส้มโอเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ (Naringenin และ Naringin) ซึ่งช่วยป้องกันและฟื้นฟูความเสียหายของเซลล์ที่เกิดจากอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ยังมีไลโคปีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ และบำรุงหัวใจให้แข็งแรง
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.gourmetandcuisine.com/stories/detail/1339